GMS

การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 3/2568 แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) จัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 3/2568แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ (Grater Mekong Subregion: GMS) ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีนางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำแผนงาน GMS ของไทย เป็นประธานการประชุมฯ ร่วมกับนายอัลเฟรโด เปรดิกูเอโร ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือระดับภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ADB รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่อาวุโสจาก 5 ประเทศลุ่มน้ำโขงเข้าร่วม ได้แก่ นายโชว เฮง รองเลขาธิการคณะกรรมการความร่วมมือเพื่อการพัฒนากัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชา นายซู จวิ้นเจี๋ย ผู้อำนวยการกรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ กระทรวงการคลัง สาธารณรัฐประชาชนจีน นางสาวเฟิงเคียม ซายาเคียว รองอธิบดีกรมการเงินระหว่างประเทศและความร่วมมือ กระทรวงการคลัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดร. มาลา มโย ญุน อธิบดีกรมกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ กระทรวงการลงทุนและกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นางสาวโด ลู ฮวา รองผู้อำนวยการกองบริหารความช่วยเหลือต่างประเทศ กรมการบริหารหนี้สินและความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการคลัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมด้วยผู้แทนจากสภาธุรกิจ GMS และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 ในการนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโส GMS ได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 27 แผนงาน GMS ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับ ADB ภายใต้แนวความคิด “ส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุม การพัฒนาที่สมดุล และความเจริญรุ่งเรืองผ่านการบูรณาการรัฐบาลท้องถิ่นและภาคเอกชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Fostering Inclusive Growth, Balanced Development, and Prosperity through Integrating Local Government and Private Sector in the GMS)” โดยในห้วงการประชุมดังกล่าวจะมีการประชุมร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อมุ่งเน้นการสร้างระบบเกษตรอาหารที่ยั่งยืนการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่ และการส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน พร้อมทั้งมีการประชุมหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและการประชุมเวทีธุรกิจ GMS (GMS Business Forum)

 ที่ประชุมฯ ยังได้หารือสารัตถะสำคัญเพื่อเสนอที่ประชุมระดับรัฐมนตรีฯ อาทิ (1) ยุทธศาสตร์เพื่อการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ซึ่งมีเนื้อหาหลักในการปรับปรุงโครงสร้างของคณะทำงานสาขาความร่วมมือต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในทุกระดับ และ (2) กรอบการลงทุนอนุภูมิภาค แผนงาน GMSปี 2569 – 2571 (Regional Investment Framework 2026-2028:RIF 2028) ซึ่งมีแผนการดำเนินโครงการทั้งหมด 78 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท โดยครอบคลุมโครงการคมนาคมและการขนส่ง สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ยังได้รับทราบความคืบหน้าของผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่ (1) การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของรัฐบาลท้องถิ่น แผนงาน GMS อย่างยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านเวทีการหารือระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridors Forum: ECF) เวทีผู้ว่าราชการจังหวัด (Governors’ Forum) และเวทีการหารือระดับอนุระเบียงเศรษฐกิจ (Sub-corridor Forums: SCFs) เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง และการขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (2) แผนปฏิบัติการของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านนวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วยแนวทางยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และการเชื่อมโยงในหลากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็ง ผ่านการพัฒนาทักษะของบุคลากร การจัดตั้งกรอบความร่วมมือ และการแก้ไขปัญหาความท้าทายทางสังคมร่วมกัน และ (3) แผนงานของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศ ที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพของโครงการ GMS ในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการมีส่วนร่วม (Gender Equality and Inclusion: GEI) ผ่านการจัดทำกรอบการดำเนินงาน การทบทวนตัวชี้วัด และการสร้างขีดความสามารถ ของคณะทำงานในปี 2568

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานรายสาขาของแผนงาน GMS ได้แก่ (1) ด้านการท่องเที่ยว โดยมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ปี 2573 ที่มุ่งสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาอนุภูมิภาคให้ยั่งยืนและครอบคลุม ให้ GMS เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่มีประสิทธิภาพสูง รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง (2) ด้านการเกษตร กรอบยุทธศาสตร์คุนหมิง แผนงาน GMS ปี 2573 ที่มุ่งปฏิรูประบบเกษตรอาหารที่ยั่งยืน ครอบคลุม และแข่งขันได้ โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล กลไกการเงิน และการผลิตอาหารคุณภาพสูง ภายใต้ 4 เสาหลัก ได้แก่ นโยบายและธรรมาภิบาล การวิจัยและนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงตลาด และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (3) ด้านพลังงาน ยุทธศาสตร์พลังงาน GMS ปี 2567 – 2573 รูปแบบใหม่ที่เปิดตัวในปี 2568 มุ่งสร้างระบบพลังงานที่มีความน่าเชื่อถือ ราคาเข้าถึงได้ ขับเคลื่อนการแข่งขัน การลงทุน และบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน ผ่านการค้าพลังงานสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และ (4) ด้านคมนาคมขนส่ง ซึ่งนำเสนอความก้าวหน้าด้านการพัฒนาถนน ทางรถไฟ และการเชื่อมโยงภูมิภาค และการปรับปรุงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นในประเด็นความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross-Border Transport Facilitation Agreement: CBTA) ระบบราง และโลจิสติกส์ อีกทั้งยังได้รายงานความคืบหน้าโครงการเครือข่ายองค์ความรู้ GMS ในโครงการความรู้เพื่อการสร้างนวัตกรรมสู่การสร้างระบบอาหารเกษตรที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยมีการดำเนินกิจกรรมสำคัญ อาทิ การสร้างเครือข่าย การจัดอบรม และการจัดทำรายงานสรุปนโยบาย           อนึ่ง ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานด้านการพัฒนาเมือง ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง GMS ปี 2030 (2030 GMS Urban Development Strategic Framework: UDSF-2030) ซึ่งมีวิสัยทัศน์การพัฒนาผังเมืองที่น่าอยู่และเจริญรุ่งเรืองที่เชื่อมโยงกันด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค และยังได้หารือเกี่ยวกับสัปดาห์นวัตกรรม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 ตุลาคม 2568 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลและความร่วมมือระหว่างผู้ประสานงาน GMS หน่วยงานดิจิทัลแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคส่วนที่สำคัญ อาทิ การค้า การเกษตร และการท่องเที่ยว

*********************