การขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD (TH2OECD)

ข่าวสาร/ความเคลื่อนไหว

24 มีนาคม 2568

การประชุมหารือระหว่าง เลขาธิการ สศช. และเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน และขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. ให้การต้อนรับนายมาร์ค กู้ดดิ้ง (H.E. Mr. Mark Gooding OBE) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. พร้อมด้วยคณะผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร เข้าร่วมการหารือ ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน เศรษฐกิจระหว่างประเทศ การปฏิรูปโครงสร้าง และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยเลขาธิการ สศช. ได้บรรยายสรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยและทิศทางการพัฒนาที่สำคัญของไทย อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมยา ตลอดจนการเร่งพัฒนาทักษะแรงงานไทยเพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นอกจากนี้ เลขาธิการ สศช. ยังเน้นย้ำถึงความพร้อมของไทยในการสนับสนุน Long-Term Resident Visa ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรเพื่อมาสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทย การส่งเสริมให้นักลงทุนสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในไทย และส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในประเด็นที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญ ในการนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยินดีที่จะสนับสนุนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และแสดงความพร้อมที่จะทำงานกับไทยอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและการเงินสีเขียว รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในประเด็นการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะเสริมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันและความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรต่อไป 

21 มีนาคม 2568

เลขาธิการ สศช. พบหารือเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยออสเตรเลียพร้อมให้การสนับสนุน

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. พบหารือกับ ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์ (H.E. Dr. Angela Macdonald PSM) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยมีคณะผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ สศช. เข้าร่วม ในโอกาสนี้ เลขาธิการ สศช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบ (1) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการฯ จำนวน 3 คณะ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ (2) การแต่งตั้งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นผู้ประสานงานหลักในประเทศ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส เป็นผู้ประสานงานหลักประจำการ ณ กรุงปารีส และ […]

10 มีนาคม 2568

รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นสมาชิก OECD ภายในปี 2573 เพื่อยกระดับประเทศสู่ความเป็นสากลมากขึ้น

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 เพื่อกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการฝ่ายการเมือง และหน่วยงานประสานหลัก ประกอบด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วมประชุม ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการกำกับฯ มีองค์ประกอบจำนวน 12 คน มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และมีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบาย เสนอแนะแนวทางการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ตลอดจนสั่งการ และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และแผนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD (Accession Roadmap) ของประเทศไทย การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ประกอบด้วย 2 […]

20 ธันวาคม 2567

สภาพัฒน์หารือหน่วยงานรัฐ วางแผนการขับเคลื่อนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ปี 2568

          เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดการประชุมหารือเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย เพื่อทำความเข้าใจกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยเฉพาะในช่วงปี 2568ที่ไทยจะต้องเริ่มจัดทำ Initial Memorandum (IM) ซึ่งเป็นเอกสารการประเมินตนเองในเบื้องต้นและเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก โดยมี นายธัชไท กีรติพงค์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นประธานการประชุม และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 130 คน เข้าร่วม           ในโอกาสนี้ ประธานฯ ได้แจ้งภาพรวมความก้าวหน้าการดำเนินการของไทย โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมี สศช. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เป็นฝ่ายเลขานุการ สำหรับการดำเนินการร่วมกับ OECD นั้น ปัจจุบันไทยมีสถานะเป็นประเทศผู้สมัครที่อยู่ในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก (accession candidate country) ซึ่งสามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ OECD […]

19 ธันวาคม 2567

สศช. กล่าวบรรยายพิเศษรายงานการดำเนินการของประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ในการประชุมคณะอนุกรรมการกฎระเบียบการค้าและพหุภาคี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกฎระเบียบการค้าและพหุภาคี ครั้งที่ 3/2567 โดยผู้แทนสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้รับเชิญให้กล่าวบรรยายพิเศษภายใต้หัวข้อ “การดาเนินการของประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD และแนวทางการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย” แก่อนุกรรมการกฎระเบียบการค้าและพหุภาคี ผู้แทนภาคอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการประชุม ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของไทยที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รวมถึงการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะนาไปสู่ความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ของภาคธุรกิจไทย ดังนั้น ไทยจึงต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อตอบรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การดาเนินงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นางสาลินี ผลประไพ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้าว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่ใช่การมุ่งเน้นเพื่อเข้าเป็นสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นการการปรับปรุงมาตรฐานและผลักดันการปฏิรูปภายในประเทศให้เกิดประโยชน์รอบด้าน โดยทางกระทรวงการต่างประเทศมองว่ากระบวนการเข้าเป็นสมาชิกนี้จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวของไทย ผ่านการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การยกระดับมาตรฐานภาครัฐและภาคธุรกิจ […]

13 ธันวาคม 2567

กระทรวงศึกษาธิการจัดการประชุมคณะทางานขับเคลื่อนการดาเนินงานด้านการศึกษาและพัฒนาทักษะเพื่อสนับสนุนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะทางานขับเคลื่อนการดาเนินงานด้านการศึกษาและพัฒนาทักษะเพื่อสนับสนุนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย โดยมีผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมเพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยเฉพาะการดาเนินงานด้านการศึกษาที่ ศธ. มีความร่วมมือกับ OECD มาอย่างต่อเนื่อง นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความสาคัญของการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทย ทั้งระบบการศึกษา ทักษะการเรียนของนักเรียน และทักษะการสอนของครู ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยได้นามาตรฐานของ OECD มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน เช่น โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (PISA) ที่เน้นการประเมินนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้และทักษะในชีวิตจริง เพื่อนาไปใช้ในการปรับปรุงนโยบายและหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสม นอกจากนี้ รองปลัดฯ ยังเน้นย้าว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD จะนามาซึ่งองค์ความรู้เพื่อพัฒนาแผนการศึกษาไทย โดย ศธ. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือกับ OECD และจาเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง […]

22 พฤศจิกายน 2567

สศช. เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ OECD เดินหน้าขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2567 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ External Relations Committee (ERC) คณะกรรมการ Economic Policy Committee (EPC) และหารือกับ Directorate for Legal Affairs เกี่ยวกับกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยมีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะเจ้าหน้าที่เข้าร่วม ณ สำนักงานใหญ่ OECD กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส การประชุมคณะกรรมการ ERC เลขาธิการ สศช. ได้กล่าวรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ OECD-Thailand Country Programme (CP) ระยะที่ 2 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ไทยเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยโครงการย่อย 20 โครงการ ภายใต้ 4 สาขาความร่วมมือ โดยมี สศช. […]

30 ตุลาคม 2567

OECD เปิดตัวแผนการเข้าเป็นสมาชิกของไทยอย่างเป็นทางการ: รัฐ-เอกชนขานรับ พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นประเทศที่มีการพัฒนาระดับสากล

          เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 รัฐบาลไทยได้จัดกิจกรรมการเปิดตัวกระบวนการหารือเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ตลอดจนเอกอัครราชทูตจากประเทศสมาชิก OECD เข้าร่วม            กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความก้าวหน้าของไทยในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD แก่สาธารณชนในวงกว้าง ผ่านการเยือนประเทศไทยของนายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และคณะ ซึ่งในโอกาสนี้ OECD ได้มีการเผยสถานะของไทยในฐานะ Accession Candidate Country และมอบแผนการเข้าเป็นสมาชิกของไทย (Acession Roadmap) ฉบับทางการแก่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นับเป็นก้าวสำคัญของไทยในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD           ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ OECD ที่มีความใกล้ชิดอย่างยาวนาน พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือกับ OECD และประเทศสมาชิก ตลอดจนสนับสนุนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในขณะที่ เลขาธิการ OECD ได้กล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและเน้นย้ำประโยชน์ของกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกที่จะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศรายได้สูงและมีความเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวหน้าได้ […]

30 ตุลาคม 2567

รองนายกฯ พิชัย หารือเลขาธิการ OECD ยืนยันไทยพร้อมเข้าเป็นสมาชิก OECD

          เมื่อวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 นายมาทีอัส คอร์มันน์ (H.E. Mr. Mathias Cormann) เลขาธิการ OECD ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมหารือเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุม ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะผู้แทนจาก OECD           ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับและยินดีกับการเดินทางเยือนไทยของเลขาธิการ OECD และได้มีโอกาสหารือเกี่ยวกับกระบวนการและความก้าวหน้าในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นการยกระดับและส่งเสริมการปฏิรูปเชิงโครงสร้างหลากหลายมิติ ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD และเทียบเท่าสากล รวมทั้งยังจะเป็น  การสร้างระบบธรรมาภิบาลที่ยั่งยืน ผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้อย่างมั่นคง และสอดรับกับแนวโน้ม  การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะในเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว           ทางด้านเลขาธิการ OECD ได้กล่าวชื่นชมในการมีส่วนร่วมของประเทศไทยกับ OECD ที่ผ่านมา และ    เน้นย้ำถึงผลประโยชน์ที่ได้รับร่วมกันผ่านการดำเนินโครงการต่าง […]

ความสัมพันธ์ไทย-OECD

 ที่มาและความสำคัญ

2565

กุมภาพันธ์: มติ ครม. 15 ก.พ. 2565 รับทราบผล Country Programme (CP) ระยะที่ 1พร้อมมอบหมายให้ สศช. และ กต. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำโครงการ CP ระยะที่ 2 นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ กต. ศึกษาถึงความพร้อม ความเป็นไปได้ และประโยชชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD

กันยายน: กต. จ้าง TDRI ศึกษาและวิจัยความเหมาะสมในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยผลการศึกษาพบว่า ไทยจะได้รับประโยชน์จากการเข้าเป็นสมาชิกแบบ full member มากกว่า non-member

  2566

มีนาคม: การลงนาม MoU โครงการ CP ระยะที่ 2 จะช่วยผลักดันให้ไทยเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD อย่างต่อเนื่อง ยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น อันจะทำให้ไทยเข้าใกล้การเป็นสมาชิก OECD มากขึ้น

ธันวาคม: มติ ครม. 26 ธ.ค. 2566 เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD และมอบหมายให้ สศช. และ กต. เป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

2567

กุมภาพันธ์: กต. ยื่นสำเนาหนังสือแสดงเจตจำนงของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ให้กับ OECD นับเป็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ

16 เมษายน: ประเทศไทยได้ยื่นต้นฉบับหนังสือแสดงเจตจำนงของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD

17 มิถุนายน: OECD Council มีมติเปิดกระบวนการการหารือการเข้าเป็นสมาชิก (accession discussions) กับไทย

มิถุนายน: OECD Council เห็นชอบแผนการดำเนินการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย (Roadmap for the OECD Accession Process of Thailand)

28 ตุลาคม: นรม. ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย

30 ตุลาคม: เลขาธิการ OECD เข้าเยี่ยมคาราวะ นรม. และเข้าร่วมการเปิดตัวกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย พร้อมมอบแผนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ให้กับ รมว.กต.

2568

มติ ครม. 18 ก.พ. 2568 รับทราบความคืบหน้าในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และ เห็นชอบอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD แบ่งเป็น 2 ระยะหลัก ได้แก่ กระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก (Pre-accession Process) และกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก (Accession Process)

ภารกิจที่หน่วยงานไทยต้องดำเนินการในปัจจุบัน

Factsheet การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย

Factsheet การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย สถานะ ณ วันที่ 17 มีนาคม 2568

Roadmap for the OECD Accession Process of Thailand

กรอบการพิจารณาการเข้าเป็นสมาชิก OECD

(Framework for the Consideration of Prospective Members)

ประกอบด้วยเงื่อนไข 5 ประการ เพื่อใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ประกอบด้วย

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

สถานะไทยใน OECD Committee/Subsidiary Bodies

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการประชุมที่ผ่านมา

การประชุมหารือการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และประเด็นที่ต้องดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการในระยะถัดไป การจัดทำ Initial Memorandum ประกอบการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย
Thailand’s Economic and Social Transformation โดย รศช. วันฉัตร สุวรรณกิตติ
การประชุมหารือเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย โดย รศช. วันฉัตร สุวรรณกิตติ
ปาฐกถา เรื่อง ประเทศไทยกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดย นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี การดำเนินงานของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดย นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการ สศช. ประโยชน์และผลกระทบจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD และแนวทางการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรับมือและปรับตัว ต่อการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย โดย นายสุทธิเกตตื์ ทัดพิทักษ์กุล ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประโยชน์และผลกระทบจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD และแนวทางการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรับมือและปรับตัวต่อการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย “ด้านการแข่งขันทางการค้า” โดย ดร.อัครพล ฮวบเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการต่างประเทศ สำนักงาน กขค. บทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศไทยผ่านการเข้าร่วมการเป็นสมาชิก OECD และประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐดำเนินการ โดย ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

Frequently asked questions

บางครั้ง เราอาจเห็น คำว่า “OCDE” อย่าเพิ่งเข้าใจว่าเขาเขียนผิด เพราะเขาอาจจะเขียนภาษาฝรั่งเศสเนื่องจาก “OCDE” (โอ-เซ-เด-เออ) เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ย่อมาจาก Organisation de cooperation et de developpement economiques และหากเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือคำว่า “OECD” (โอ-อี-ซี-ดี) ซึ่งมาจาก Organisation for Economic Co-operation and Development

Pros

  • ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างหลายมิติ และมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล
  • เพิ่มการแข่งขันทางการค้า และโอกาสเข้าถึงตลาดประเทศสมาชิก
  • GDP ของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 คิดเป็นมูลค่า 2.7 แสนล้านบาท ในปี 2563
  • เข้าถึงฐานข้อมูลเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
  •  ได้รับคำปรึกษาและความช่วยเหลือทางวิชาการจาก OECD อย่างใกล้ชิด
  •  สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีโลก

Cons

  • ต้องเสียค่าสมาชิกรายปี ประมาณ 3 – 7 ล้านยูโร/ปี ขึ้นอยู่กับขนาดเศรษฐกิจของประเทศ
  • การเข้าเป็นสมาชิกอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ในบางเรื่อง อาทิ ความจำเป็นในการเปิดเผย  ข้อมูล และ การไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ (non-discrimination)
  • OECD เปรียบเสมือน think thank ที่เป็นแหล่งรวม (platform) ของผู้เชี่ยวชาญและคลังข้อมูลหลากหลาย ซึ่งประเทศต่างๆ สามารถ ขอรับคำปรึกษาหรือใช้เป็นแหล่งความรู้ในการจัดการปัญหาด้านต่างๆ ได้
  • จุดเด่นของ OECD คือการทำงานในลักษณะ Committee ที่จะมี ผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมหลายสาขา เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ตามบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจุดประสงค์
  • ไม่มีระบบลงโทษประเทศสมาชิกในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานร่วมกัน แต่จะใช้กลไก peer review ในการประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรฐาน และให้ความเห็นเชิงวิชาการ
  • ไม่มีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศสมาชิก แต่จะเน้น การหารือเพื่อกำหนดมาตรฐานและสนับสนุนนโยบายเพื่อช่วยพัฒนาความอยู่ดีกินดี เสริมสร้างโลกที่แข็งแรง สะอาด และยุติธรรมมากขึ้น ตาม motto ที่ว่า “Better policies for better lives”
  • งานวิจัย TDRI ระบุว่า หากไทยเข้าเป็นสมาชิกจะทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ จึงสรุปได้ว่า การเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่ทำให้ความเหลื่อมลำ้ของไทยเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • การเข้าเป็นสมาชิกมีทั้งผู้ได้/เสียประโยชน์ ดังนั้น ไทยอาจพิจารณาจัดทำข้อสงวนใน ประเด็นที่ต้องคงไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ รวมถึงภาครัฐต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย
  • ตัวอย่างข้อสงวนที่คอสตาริก้าซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทยได้จัดทำ อาทิ
    • การอนุญาตให้ชาวต่างชาติใช้ที่ดินดำเนินธุรกิจได้เฉพาะบางพื้นที่
    •  การประกอบอาชีพเฉพาะทาง เช่น แพทย์ วิศวกร ต้องดำเนินการตามข้อกำหนด ภายในประเทศเท่านั้น
    • กิจการด้านขนส่งทางบกภายในประเทศสามารถดำเนินการได้เฉพาะบริษัทของ คอสตาริก้า โดยบริษัทนั้นต้องมีถือหุ้นเป็นชาวคอสตาริก้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 51
  • ไทยมีความร่วมมือกับ OECD มายาวนานกว่า 20 ปี มีการปรับมาตรฐาน ให้สอดคล้องกับ OECD ระดับหนึ่งแล้ว ผ่านการดำเนินโครงการ Country Programme ระยะที่ 1 (61-64) และ ระยะที่ 2 (66-68)
  •  ไทยให้การรับรองตราสารของ OECD แล้ว 11/271 ฉบับ และเพิ่มระดับสถานะใน Committee มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ปี 2564 สคก. ได้รับสถานะ Participant ใน Regulatory Committee
  • OECD จัดให้ไทยอยู่ในระดับ tier 1 ที่ OECD สนใจจะเชิญเข้าเป็นสมาชิก
  • กระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD อาจมีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 178 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในประเด็นหนังสือ สัญญาที่จะดำเนินการร่วมกับองค์การระหว่างประเทศ
  • ดังนั้น จึงอาจมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาด้วย โดยรายละเอียดจะมีการหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

สศช. และ กต. จะหารือกับ OECD และจะเชิญหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ พร้อมแสดงเหตุผล/ข้อห่วงกังวลที่ไทยอาจไม่สามารถปรับตาม OECD ได้ ซึ่งหน่วยงานสามารถเจรจาเพื่อจัดทำข้อสงวนบางประเด็น โดยยึดผลประโยชน์ของไทยเป็นที่ตั้ง

  • ไม่มีประเทศที่ไม่ผ่านมาตรฐานของ OECD แล้วโดนบอกยกเลิก มีเพียงเหตุการณ์ ภายในประเทศนั้น ๆ ที่ทำให้ OECD ประกาศยุติกระบวนการ Accession และการที่ประเทศสมาชิก Veto ประเทศผู้สมัคร เพราะความขัดแย้งส่วนตัว
  •  รัสเซีย คือประเทศที่ OECD ประกาศยุติกระบวนการ Accession ไปเมื่อปี 2014 เนื่องจากวิกฤตการณ์ไครเมีย โดยก่อนหน้านี้รัสเซียได้เข้ากระบวนการ Accession มาตั้งแต่ปี 2007
  • โครเอเชีย คือประเทศที่ถูก Veto แต่สุดท้ายก็ได้รับมติเอกฉันท์ (consensus) ให้เข้ากระบวนการ Accession โดยปี 2017 โครเอเชียได้ยื่นเจตจำนงเข้าเป็นสมาชิก แต่ถูกฮังการี Veto เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งกันเรื่องคดีทุจริตบริษัทน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ปี 2018 ฮังการียุติการคัดค้านการเป็นสมาชิกทำให้โครเอเชียได้รับมติเอกฉันท์ในการเข้ากระบวนการ Accession ไปเมื่อปี 2022

งานวิจัย TDRI ระบุว่า จากการประเมินเศรษฐกิจของ 7 ประเทศสมาชิกที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย พบว่า การเข้าเป็นสมาชิกช่วยเพิ่มผลิตภาพ โดยรวมของประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ GDP โดยตรงร้อยละ 0.05 และเศรษฐกิจขยายตัวสุทธิร้อยละ 1.6 ในช่วง 5 ปีแรก

การยกระดับสถานะความร่วมมือ เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของไทยที่ต้องการจะมีความร่วมมือกับ OECD ในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสถานะ Associate ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ (full member) ของ OECD จึงนับเป็นความคุ้มค่าที่จะแสดงให้ประเทศสมาชิก OECD เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทย

เราไม่ควรมองว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD เป็นการจัดทำ FTA หรือการได้-เสียประโยชน์ เนื่องจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่เท่ากับการจัดทำ FTA และไม่ได้เป็น FTA โดยธรรมชาติ แต่เป็นการสร้างมาตรฐานร่วม การยกระดับธรรมาภิบาล ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนให้เกิดการจัดทำ FTA ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน บัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เป็นแบบ Negative List List (อนุญาตทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่สงวน) ตามที่ OECD ประสงค์จะให้เป็นแล้ว ยกเว้นบัญชี 3 (21) ที่ยังเป็น Positive List (สงวนทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่อนุญาต) อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ อยู่ระหว่างกระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ซึ่งคาดว่าจะประเมินผลแล้วเสร็จภายในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณานำผลการประเมินดังกล่าว มาประกอบการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของ OECD และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถนำ Sunset Clauses ซึ่งเป็นบทบัญญัติกำหนดการสิ้นสุดการใช้ของกฎหมาย มาใช้กำหนดการสิ้นสุดระยะเวลาในการบังคับใช้ข้อสงวน เพื่อเป็นการสร้างช่วงเวลาปรับเปลี่ยน (Transition period) เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาเพียงพอต่อการปรับตัวหรือการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD

OECD มีคณะกรรมการที่ชื่อว่า “Regional Development Policy Committee” ทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายระดับภูมิภาคซึ่งรวมถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยสามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าวได้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมมาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD ต่อไป

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฏิรูปการดำเนินงานของประเทศผู้สมัครให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD โดยคณะกรรมการของ OECD ในแต่ละด้านจะเป็นผู้ประเมินว่า ประเทศผู้สมัครได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD ตามที่กำหนดไว้ใน Accession Roadmap เรียบร้อยแล้ว จึงจะออกจดหมายเชิญให้ประเทศผู้สมัครยอมรับข้อผูกพันทางกฎหมายและเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยสมบูรณ์ต่อไป

ไม่น่าเกิดข้อขัดแย้ง เนื่องจากประเทศสมาชิก OECD ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เป็นสมาชิก WTO อีกทั้ง WTO ยังมีความร่วมมือใกล้ชิดกับ OECD และมีสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์ใน OECD Trade Committee อีกด้วย

ควรจัดสัมมนาร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้มากยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและการก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านผลกระทบต่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Entrepreneur) ซึ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทั้งนี้ สศช. จะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ให้กับภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยอาจเชิญผู้แทนสภาหอการค้าไทยมาร่วมเป็นผู้อภิปรายในการประชุมฯ โดยกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567