การขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD (TH2OECD)

ข่าวสาร/ความเคลื่อนไหว

ความสัมพันธ์ไทย-OECD

 ที่มาและความสำคัญ

2565

กุมภาพันธ์: มติ ครม. 15 ก.พ. 2565 รับทราบผล Country Programme (CP) ระยะที่ 1พร้อมมอบหมายให้ สศช. และ กต. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำโครงการ CP ระยะที่ 2 นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ กต. ศึกษาถึงความพร้อม ความเป็นไปได้ และประโยชชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD

กันยายน: กต. จ้าง TDRI ศึกษาและวิจัยความเหมาะสมในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยผลการศึกษาพบว่า ไทยจะได้รับประโยชน์จากการเข้าเป็นสมาชิกแบบ full member มากกว่า non-member

2566

มีนาคม: การลงนาม MoU โครงการ CP ระยะที่ 2 จะช่วยผลักดันให้ไทยเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD อย่างต่อเนื่อง ยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น อันจะทำให้ไทยเข้าใกล้การเป็นสมาชิก OECD มากขึ้น

ธันวาคม: มติ ครม. 26 ธ.ค. 2566 เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD และมอบหมายให้ สศช. และ กต. เป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

2567

กุมภาพันธ์: กต. ยื่นสำเนาหนังสือแสดงเจตจำนงของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ให้กับ OECD นับเป็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ

16 เมษายน: ประเทศไทยได้ยื่นต้นฉบับหนังสือแสดงเจตจำนงของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD

17 มิถุนายน: OECD Council มีมติเปิดกระบวนการการหารือการเข้าเป็นสมาชิก (accession discussions) กับไทย

มิถุนายน: OECD Council เห็นชอบแผนการดำเนินการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย (Roadmap for the OECD Accession Process of Thailand)

10 กรกฎาคม: OECD Council เห็นชอบแผนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย (Roadmap for the OECD Accession Process of Thailand)

28 ตุลาคม: นรม. ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย

30 ตุลาคม: เลขาธิการ OECD เข้าเยี่ยมคาราวะ นรม. และเข้าร่วมการเปิดตัวกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย พร้อมมอบแผนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ให้กับ รมว.กต.

2568

18 กุมภาพันธ์: มติ ครม. 18 ก.พ. 2568 รับทราบความคืบหน้าในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และ เห็นชอบอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการการดำเนินกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

10 มีนาคม : นรม. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย โดยที่ประชุมมีมติกำหนดเป้าหมายการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทยภายในปี 2573

8 กรกฎาคม: มติ ครม. 8 ก.ค. 2568 รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทยอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD แบ่งเป็น 2 ระยะหลัก ได้แก่ กระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก (Pre-accession Process) และกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก (Accession Process)

ภารกิจที่หน่วยงานไทยต้องดำเนินการในปัจจุบัน

Factsheet การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย

Factsheet การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย สถานะ ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2568

Roadmap for the OECD Accession Process of Thailand

กรอบการพิจารณาการเข้าเป็นสมาชิก OECD

(Framework for the Consideration of Prospective Members)

ประกอบด้วยเงื่อนไข 5 ประการ เพื่อใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ประกอบด้วย

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

สถานะไทยใน OECD Committee/Subsidiary Bodies

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการประชุมที่ผ่านมา

ภูมิหลังและภาพรวมการดำเนินโครงการ โดย Mr. Alexander Böhmer (OECD) การทบทวนผลการดำเนินโครงการของประเทศไทยภายใต้ Country Programme ระยะที่ 2 โดย นายณัฏฐา พาชัยยุทธ (สำนักงาน ก.พ.ร.) การทบทวนผลกํารดำเนินโครงการของประเทศไทยภายใต้ Country Programme ระยะที่ 2 โดย Mr. Ori Schwartz (OECD) การทบทวนผลการดำเนินโครงการของประเทศไทยภายใต้ Country Programme ระยะที่ 2 โดย นายพีรพัฒน์ ตัณฑวณิช (สศช.) การทบทวนผลการดำเนินโครงการของประเทศไทยภายใต้ Country Programme ระยะที่ 2 โดย นางสาวสุทธาสิณี กล่าวกิติกุล (DEDE) การทบทวนผลการดำเนินโครงการของประเทศไทยภายใต้ Country Programme ระยะที่ 2 โดย Douglas Herrick (OECD) การสะท้อนบทเรียนจากความร่วมมือระหว่างไทยกับ OECD ในการก้าวต่อไปข้างหน้า โดย นายธัชไท กีรติพงค์ไพบูลย์ (สศช.)
การประชุมหารือการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และประเด็นที่ต้องดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการในระยะถัดไป การจัดทำ Initial Memorandum ประกอบการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย
Thailand’s Economic and Social Transformation โดย รศช. วันฉัตร สุวรรณกิตติ
การประชุมหารือเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย โดย รศช. วันฉัตร สุวรรณกิตติ
ปาฐกถา เรื่อง ประเทศไทยกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดย นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี การดำเนินงานของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD โดย นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการ สศช. ประโยชน์และผลกระทบจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD และแนวทางการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรับมือและปรับตัว ต่อการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย โดย นายสุทธิเกตตื์ ทัดพิทักษ์กุล ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประโยชน์และผลกระทบจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD และแนวทางการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรับมือและปรับตัวต่อการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย “ด้านการแข่งขันทางการค้า” โดย ดร.อัครพล ฮวบเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการต่างประเทศ สำนักงาน กขค. บทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศไทยผ่านการเข้าร่วมการเป็นสมาชิก OECD และประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐดำเนินการ โดย ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

Frequently asked questions

บางครั้ง เราอาจเห็น คำว่า “OCDE” อย่าเพิ่งเข้าใจว่าเขาเขียนผิด เพราะเขาอาจจะเขียนภาษาฝรั่งเศสเนื่องจาก “OCDE” (โอ-เซ-เด-เออ) เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ย่อมาจาก Organisation de cooperation et de developpement economiques และหากเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือคำว่า “OECD” (โอ-อี-ซี-ดี) ซึ่งมาจาก Organisation for Economic Co-operation and Development

Pros

  • ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างหลายมิติ และมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล
  • เพิ่มการแข่งขันทางการค้า และโอกาสเข้าถึงตลาดประเทศสมาชิก
  • GDP ของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 คิดเป็นมูลค่า 2.7 แสนล้านบาท ในปี 2563
  • เข้าถึงฐานข้อมูลเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
  •  ได้รับคำปรึกษาและความช่วยเหลือทางวิชาการจาก OECD อย่างใกล้ชิด
  •  สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีโลก

Cons

  • ต้องเสียค่าสมาชิกรายปี ประมาณ 3 – 7 ล้านยูโร/ปี ขึ้นอยู่กับขนาดเศรษฐกิจของประเทศ
  • การเข้าเป็นสมาชิกอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ในบางเรื่อง อาทิ ความจำเป็นในการเปิดเผย  ข้อมูล และ การไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ (non-discrimination)
  • OECD เปรียบเสมือน think thank ที่เป็นแหล่งรวม (platform) ของผู้เชี่ยวชาญและคลังข้อมูลหลากหลาย ซึ่งประเทศต่างๆ สามารถ ขอรับคำปรึกษาหรือใช้เป็นแหล่งความรู้ในการจัดการปัญหาด้านต่างๆ ได้
  • จุดเด่นของ OECD คือการทำงานในลักษณะ Committee ที่จะมี ผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมหลายสาขา เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ตามบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจุดประสงค์
  • ไม่มีระบบลงโทษประเทศสมาชิกในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานร่วมกัน แต่จะใช้กลไก peer review ในการประเมินผลการปฏิบัติตามมาตรฐาน และให้ความเห็นเชิงวิชาการ
  • ไม่มีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศสมาชิก แต่จะเน้น การหารือเพื่อกำหนดมาตรฐานและสนับสนุนนโยบายเพื่อช่วยพัฒนาความอยู่ดีกินดี เสริมสร้างโลกที่แข็งแรง สะอาด และยุติธรรมมากขึ้น ตาม motto ที่ว่า “Better policies for better lives”
  • งานวิจัย TDRI ระบุว่า หากไทยเข้าเป็นสมาชิกจะทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ จึงสรุปได้ว่า การเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่ทำให้ความเหลื่อมลำ้ของไทยเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • การเข้าเป็นสมาชิกมีทั้งผู้ได้/เสียประโยชน์ ดังนั้น ไทยอาจพิจารณาจัดทำข้อสงวนใน ประเด็นที่ต้องคงไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ รวมถึงภาครัฐต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย
  • ตัวอย่างข้อสงวนที่คอสตาริก้าซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทยได้จัดทำ อาทิ
    • การอนุญาตให้ชาวต่างชาติใช้ที่ดินดำเนินธุรกิจได้เฉพาะบางพื้นที่
    •  การประกอบอาชีพเฉพาะทาง เช่น แพทย์ วิศวกร ต้องดำเนินการตามข้อกำหนด ภายในประเทศเท่านั้น
    • กิจการด้านขนส่งทางบกภายในประเทศสามารถดำเนินการได้เฉพาะบริษัทของ คอสตาริก้า โดยบริษัทนั้นต้องมีถือหุ้นเป็นชาวคอสตาริก้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 51
  • ไทยมีความร่วมมือกับ OECD มายาวนานกว่า 20 ปี มีการปรับมาตรฐาน ให้สอดคล้องกับ OECD ระดับหนึ่งแล้ว ผ่านการดำเนินโครงการ Country Programme ระยะที่ 1 (61-64) และ ระยะที่ 2 (66-68)
  •  ไทยให้การรับรองตราสารของ OECD แล้ว 11/271 ฉบับ และเพิ่มระดับสถานะใน Committee มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ปี 2564 สคก. ได้รับสถานะ Participant ใน Regulatory Committee
  • OECD จัดให้ไทยอยู่ในระดับ tier 1 ที่ OECD สนใจจะเชิญเข้าเป็นสมาชิก
  • กระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD อาจมีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 178 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในประเด็นหนังสือ สัญญาที่จะดำเนินการร่วมกับองค์การระหว่างประเทศ
  • ดังนั้น จึงอาจมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาด้วย โดยรายละเอียดจะมีการหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

สศช. และ กต. จะหารือกับ OECD และจะเชิญหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ พร้อมแสดงเหตุผล/ข้อห่วงกังวลที่ไทยอาจไม่สามารถปรับตาม OECD ได้ ซึ่งหน่วยงานสามารถเจรจาเพื่อจัดทำข้อสงวนบางประเด็น โดยยึดผลประโยชน์ของไทยเป็นที่ตั้ง

  • ไม่มีประเทศที่ไม่ผ่านมาตรฐานของ OECD แล้วโดนบอกยกเลิก มีเพียงเหตุการณ์ ภายในประเทศนั้น ๆ ที่ทำให้ OECD ประกาศยุติกระบวนการ Accession และการที่ประเทศสมาชิก Veto ประเทศผู้สมัคร เพราะความขัดแย้งส่วนตัว
  •  รัสเซีย คือประเทศที่ OECD ประกาศยุติกระบวนการ Accession ไปเมื่อปี 2014 เนื่องจากวิกฤตการณ์ไครเมีย โดยก่อนหน้านี้รัสเซียได้เข้ากระบวนการ Accession มาตั้งแต่ปี 2007
  • โครเอเชีย คือประเทศที่ถูก Veto แต่สุดท้ายก็ได้รับมติเอกฉันท์ (consensus) ให้เข้ากระบวนการ Accession โดยปี 2017 โครเอเชียได้ยื่นเจตจำนงเข้าเป็นสมาชิก แต่ถูกฮังการี Veto เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งกันเรื่องคดีทุจริตบริษัทน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ปี 2018 ฮังการียุติการคัดค้านการเป็นสมาชิกทำให้โครเอเชียได้รับมติเอกฉันท์ในการเข้ากระบวนการ Accession ไปเมื่อปี 2022

งานวิจัย TDRI ระบุว่า จากการประเมินเศรษฐกิจของ 7 ประเทศสมาชิกที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย พบว่า การเข้าเป็นสมาชิกช่วยเพิ่มผลิตภาพ โดยรวมของประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ GDP โดยตรงร้อยละ 0.05 และเศรษฐกิจขยายตัวสุทธิร้อยละ 1.6 ในช่วง 5 ปีแรก

การยกระดับสถานะความร่วมมือ เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของไทยที่ต้องการจะมีความร่วมมือกับ OECD ในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสถานะ Associate ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ (full member) ของ OECD จึงนับเป็นความคุ้มค่าที่จะแสดงให้ประเทศสมาชิก OECD เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทย

เราไม่ควรมองว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD เป็นการจัดทำ FTA หรือการได้-เสียประโยชน์ เนื่องจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่เท่ากับการจัดทำ FTA และไม่ได้เป็น FTA โดยธรรมชาติ แต่เป็นการสร้างมาตรฐานร่วม การยกระดับธรรมาภิบาล ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนให้เกิดการจัดทำ FTA ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน บัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เป็นแบบ Negative List List (อนุญาตทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่สงวน) ตามที่ OECD ประสงค์จะให้เป็นแล้ว ยกเว้นบัญชี 3 (21) ที่ยังเป็น Positive List (สงวนทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่อนุญาต) อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ อยู่ระหว่างกระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ซึ่งคาดว่าจะประเมินผลแล้วเสร็จภายในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณานำผลการประเมินดังกล่าว มาประกอบการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของ OECD และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถนำ Sunset Clauses ซึ่งเป็นบทบัญญัติกำหนดการสิ้นสุดการใช้ของกฎหมาย มาใช้กำหนดการสิ้นสุดระยะเวลาในการบังคับใช้ข้อสงวน เพื่อเป็นการสร้างช่วงเวลาปรับเปลี่ยน (Transition period) เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาเพียงพอต่อการปรับตัวหรือการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD

OECD มีคณะกรรมการที่ชื่อว่า “Regional Development Policy Committee” ทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายระดับภูมิภาคซึ่งรวมถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยสามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าวได้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมมาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD ต่อไป

กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ไม่มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฏิรูปการดำเนินงานของประเทศผู้สมัครให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD โดยคณะกรรมการของ OECD ในแต่ละด้านจะเป็นผู้ประเมินว่า ประเทศผู้สมัครได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD ตามที่กำหนดไว้ใน Accession Roadmap เรียบร้อยแล้ว จึงจะออกจดหมายเชิญให้ประเทศผู้สมัครยอมรับข้อผูกพันทางกฎหมายและเข้าเป็นสมาชิก OECD โดยสมบูรณ์ต่อไป

ไม่น่าเกิดข้อขัดแย้ง เนื่องจากประเทศสมาชิก OECD ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เป็นสมาชิก WTO อีกทั้ง WTO ยังมีความร่วมมือใกล้ชิดกับ OECD และมีสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์ใน OECD Trade Committee อีกด้วย

ควรจัดสัมมนาร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้มากยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและการก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านผลกระทบต่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Entrepreneur) ซึ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทั้งนี้ สศช. จะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย ให้กับภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยอาจเชิญผู้แทนสภาหอการค้าไทยมาร่วมเป็นผู้อภิปรายในการประชุมฯ โดยกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567