ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก
United Nations (UN)
ข่าวความเคลื่อนไหวที่สําคัญ
สศช. เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 2/2568 หารือวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคที่เข้มแข็งและประเด็นการยกระดับการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบ
เมื่อวันที่ 12-13 สิงหาคม 2568 สาธา […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 1/2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
เมื่อวันที่ 3 – 4 มีนาคม 2568 สาธารณรัฐเกาหลี ในฐ […]
รายงานเขตเศรษฐกิจเอเปค ค.ศ. 2024 หัวข้อ การปฏิรูปโครงสร้างและการเข้าถึงบริการทางการเงิน
รายงานเขตเศรษฐกิจเอเปค ค.ศ. ๒๐๒๔ (APEC Economic Policy […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 2/2567 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู
เมื่อวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2567 สาธารณรัฐเปรู ใน […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 1/2567 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู
เมื่อวันที่ 4-5 มีนาคม 2567 สาธารณรัฐเปรู ในฐานะเจ้าภาพ […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee: EC) ครั้งที่ 2/2566
เมื่อวันที่ 14-15 สิงหาคม 2566 สหรัฐอเมริกา ในฐานะเจ้าภ […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee: EC) ครั้งที่ 1/2566
นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าท […]
การประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Committee) ครั้งที่ 1/2565 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ดร.วันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแ […]
ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 1/2563 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเ […]


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแผนงาน UN
แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้าโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation: GMS) เป็นกรอบความร่วมมือระหว่าง 6 ประเทศในลุ่มแม่น้าโขง ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว จีน (มณฑลยูนนานและเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง) เมียนมา ไทย และเวียดนาม ริเริ่มขึนในปี พ.ศ. 2535 โดยการผลักดันของ 6 ประเทศและการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ ปัจจุบันแผนงาน GMS ดำเนินงานอยู่ภายใต้ กรอบยุทธศาสตร์แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ.2573 (GMS Economic Cooperation Program Strategic Framework 2030) ซึ่งมุ่งพัฒนาไปสู่การเป็นอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีการบูรณาการ รุ่งเรือง ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
3 เสาหลักความร่วมมือภายใต้แผนงาน GMS การดำเนินงานของแผนงาน GMS ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งอยู่บน 3 เสาหลักการพัฒนา หรือหลักการ 3Cs ประกอบด้วย

ความเชื่อมโยง (Connectivity)
การสร้างความเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งและพลังงานข้ามพรมแดน โดนผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและการพัฒนากฎระเบียบ

ความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness)
เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันโดยการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับภูมิภาคที่เป็นธรรมและเปิดเผย มุ่งเน้นในด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การเกษตร และการพัฒนาเมือง

ประชาคม (Community)
สร้างความเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันด้วยการส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดนด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
แผนงาน GMS ให้ความสำคัญต่อแนวคิดการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridors) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจข้ามพรมแดนเข้าด้วยกันผ่านโครงสร้างพื้นฐาน การสอดประสานกันทางนโยบาย และการพัฒนากฎระเบียบให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ ผู้คน และเงินทุน ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมี 3 แนวระเบียงเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่
(1) ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) (สีน้ำเงิน) – เป็นเส้นทางหลักเชื่อมโยงประเทศจีนตอนใต้และ สปป.ลาว ออกสู่ทะเล รวมระยะทาง โดยมี 3 แนวระเบียงย่อย (Subcorridor)
- คุนหมิง (จีน) – บ่อเต็น (ลาว) / ท่าขี้เหล็ก (เมียนมา) – เชียงราย (ไทย) – กรุงเทพฯ (ไทย)
- คุนหมิง (จีน) – ฮานอย (เวียดนาม) – ไฮฟอง (เวียดนาม)
- หนานหนิง (จีน) – ฮานอย (เวียดนาม)
(2) ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) (สีเขียว) – เป็นเส้นทางเชื่อมโยงเมืองเศรษฐกิจสำคัญระหว่างเวียดนาม สปป.ลาว ไทย และเมียนมา รวมระยะทาง 1,500 กิโลเมตร ประกอบด้วย เมาะละแหม่ง (เมียนมา) – เมียวดี (เมียนมา) – แม่สอด (ไทย) – พิษณุโลก (ไทย) -ขอนแก่น (ไทย) -กาฬสินธุ์ (ไทย) – มุกดาหาร (ไทย) – สะหวันนะเขต (ลาว) – ดองฮา (เวียดนาม) -ดานัง (เวียดนาม)
(3) ระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) (สีแดง) –เป็นเส้นทาง เชื่อมโยงเมืองเศรษฐกิจสำคัญระหว่าง ไทย- กัมพูชา- เวียดนาม รวมไปถึงเมียนมา และเวียดาม – กัมพุชา และลาว โดยมี 4 แนวระเบียงย่อย
- กรุงเทพฯ (ไทย) – พนมเปญ (กัมพูชา) – โฮจิมินห์ซิตี้ (เวียดนาม) -วังเตา (เวียดนาม)
- กรุงเทพฯ (ไทย) – เสียมราฐ (กัมพูชา) – สตรึงเตร็ง (กัมพูชา) – รัตนคีรี (กัมพูชา) – โอยาดาว (กัมพูชา) – เปล็ยกู (เวียดนาม) – กวีเญิน (เวียดนาม)
- กรุงเทพฯ (ไทย) – ตราด (ไทย) – เกาะกง (กัมพูชา) – รัตนคีรี (กัมพูชา) – กัมปอต (กัมพูชา) – ฮาเตียน (เวียดนาม) – กามู (เวียดนาม) – นําเชา (เวียดนาม)
- สีหนุวิล (กัมพูชา) – พนมเปญ (กัมพูชา) – กระแจะ (กัมพูชา) – สตึงแตรง (กัมพูชา) – ดงกระลอร์ (ลาว) – ปากเซ (ลาว) – สะหวันนะเขต (ลาว) ซึ่งเส้นทางนี้จะไปตัดกับระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก

Economic Corridors
เน้นการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจ (Economic Corridors) ที่มีศักยภาพ

เป็นกรอบการลงทุนในโครงงานระยะใกล้ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์การพัฒนาของแผนงาน GMS ปัจจุบันดำเนินงานภายใต้กรอบ RIF 2025 ครอบคลุมห้วงปี 2566 – 2568 ประกอบด้วยโครงการ 111 โครงการในทั้ง 6 ประเทศ